MaPa Holidays    

              Preparation

                                      

                        

             

Mobirise

สิ่งที่ควรรู้ก่อนการเดินทาง
การเตรียมตัวในการเดินทางครั้งแรก

สิ่งที่ควรรู้ก่อนการเดินทาง

การเตรียมตัวในการเดินทางครั้งแรก

1. เอกสารสำคัญที่สุดที่ใช้ในการเดินทาง คือ หนังสือเดินทาง หรือ Passport จะต้องมีอายุเหลือ นับจากในวันเดินทาง อย่างน้อย 6 เดือน ควรตรวจเช็คหน้าวีซ่า โดยเฉพาะประเทศที่ต้องเดินทางเข้าประเทศเป็นประเทศแรกว่าชื่อ วันที่เดินเข้าประเทศและวันสิ้นสุดวีซ่าถูกต้องหรือไม่กับวันเวลาที่เราจองโปรแกรมทัวร์ / ตั๋วเครื่องบิน / เอกสารจองที่พัก รถไฟ เรือ ฯลฯ

2. สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เช็คเวลาเดินทางของสายการบินให้ละเอียดพร้อมทั้งสอบถาม อาคาร และหมายเลขเคาน์เตอร์ ให้แน่ชัดก่อนเดินทางสู่สนามบิน และควรเดินทางมาเช็คตั๋วและโลดกระเป๋าเดินทางก่อนเครื่องออกอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพราะเมื่อท่านทำการเช็คตั๋วเครื่องบินและกระเป๋าเสร็จแล้ว ให้ขอแบบฟอร์มใบขาเข้า-ออกประเทศและกรอกให้เรียบร้อย ตรงต่อไปยังด่านการตรวจคนออกนอกเมืองพร้อมแบบฟอร์มใบขาเข้า-ออกประเทศ ด่านนี้คิวเพยาวและใช้เวลานานในหน้าท่องเที่ยว และจากด่านนี้ต้องใช้เวลาในการสแกนของที่นำขึ้นเครื่องและเดินทางไปยังประตูขึ้นเครื่องใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เพราะฉะนั้นต้องเผื่อเวลาด้วย

3. การเช็คอินของสายการบิน ใช้ตั๋วเครื่องบิน และหนังสือเดินทาง เตรียมกระเป๋าที่จะลงท้องเครื่องชั่งน้ำหนักตามกฏของแต่ละสายการบินตามข้อ5 ท่านสามารถขอระบุสถานที่นั่งได้ อยากจะนั่งตรงไหนหน้าต่างหรือริมทางเดิน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบิน แล้วเจ้าหน้าที่จะให้ ใบบรอดดิ้งพาสหรือบัตรระบุที่นั่งพร้อมแทคกระเป๋า ตามจำนวนที่เราฝากลงท้องเครื่องต้องเก็บไว้ให้ดีสำคัญมากเพราะเป็นหลักฐานสำหรับใช้เคลมเมื่อกระเป๋าที่ฝากเกิดความผิดพลาด ในการส่ง หรือเสียหาย

4. เดินไปขึ้นเครื่อง หลังจากเช็คอินแล้ว ต้องเดินต่อไปยังส่วนตรวจหนังสือเดินทาง ให้เดินตามป้ายที่มักใช้คำว่า Departure หลังตรวจหนังสือเดินทางก็เดินไปยังประตูขึ้นเครื่อง Boarding Gate โดยเช็คในใบบรอดดิ้งพาส จะมีการตรวจความปลอดภัยอีกครั้ง ที่ประตูขึ้นเครื่อง แล้วขึ้นไปนั่งตามที่เลขที่นั่ง Seat ที่ระบุในใบบรอดดิ้งพาส

5. วิธีนั่งบนเครื่อง ฟังคำอธิบายการใช้อุปกรณ์ต่างๆ และประตูฉุกเฉิน จากเจ้าหน้าที่สายการบินให้เข้าใจ ปิดโทรศัพท์มือถือ รัดเข็มขัดตลอดเวลา อย่าคุยเสียงดังรบกวนคนอื่น หรือนำอาหารกลิ่นแรงๆขึ้นไปทานบนเครื่อง เพราะมีอาหารและเครื่องดื่มฟรีอยู่แล้ว บางสายการบินที่ราคาต่ำอาจต้องจ่ายเงินสำหรับของที่ไม่อยู่ในรายการ สามารถสอบถามพนักงานบนเครื่องได้ว่าอะไรรวมอยู่ในราคาตั๋วและอะไรไม่รวม

6. กรณีไม่บินตรง การต่อเครื่อง transit ออกจากเครื่องแล้วเดินตามป้าย TRANSIT หรือ เช็คจอทีวีดูว่าจะต่อเที่ยวบินอะไร จะมีระบุว่าให้ไปที่ประตูหมายเลขใด เวลาเท่าไหร่เครื่องออก(เวลาท้องถิ่น) แล้วไปตาม Terminal หรือ Gate ที่ระบุไว้

7. เมื่อถึงจุดหมายลงเครื่อง เดินตามป้าย ARRIVAL หรือ BAGGAGE CLAIM จะนำเราไปที่ตรวจคนเข้าเมือง เข้าแถวรอตรวจให้ถูกช่อง แล้วเดินไปยังรางรับกระเป๋าจะมีจอทีวีใหญ่ ระบุว่ามาเที่ยวบินไหน ให้รับกระเป๋าที่รางกระเป๋าหมายเลขใด เมื่อรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ให้เดินผ่านช่องสีเขียว Nothing to declare ในกรณีไม่มีของต้องเสียภาษีและสำแดงผ่านศุลกากร จนถึงทางออกจากสนามบิน


ของใช้ที่ควรนำติดตัวไป

1. กระเป๋าเดินทาง กำหนดน้ำหนักกระเป๋าทั่วไปที่โหลดใต้ท้องเครื่องแต่ละใบไม่เกิน 20 กก.ต่อคนต่อใบ กระเป๋าถือขึ้นเครื่องไม่เกิน 7 กก.ต่อคนต่อใบ ควรทำสัญลักษณ์บนกระเป๋าของท่านให้ต่างจากกระเป๋าใบอื่นเช่นผูกโบว์ หรือติดป้ายชื่อเด่นๆ เพื่อป้องกันคนที่ใช้กระเป๋าที่คล้ายกับเราเขาหยิบผิดไป ควรทำการล็อคกระเป๋าทุกใบหรือถ้ามีรหัสล๊อคก็จดหรือจำรหัสด้วย

ควรจัดของให้พอดีกับกระเป๋า เพราะถ้าจัดของน้อยใส่กระเป๋าใบใหญ่เวลาขึ้นเครื่องกระเป๋าอาจถูกของคนอื่นทับจนบี้แบนเสียรูปได้ ถ้ามากเกินไปเวลาเขาโยนส่งกระเป๋าอาจทำให้กระเป๋าแตก หรือปริได้ นอกจากนั้นกระเป๋าที่หนักเกินไปจะทำให้หูกระเป๋าและล้อเลื่อนของกระเป๋าพังก่อนกำหนดเพราะสายการบินบางที่จะไม่ยอมให้นำกระเป๋าที่หนักเกิน

ไปขึ้นเครื่อง กระเป๋าสำหรับการเดินทางรายวัน แบบที่เค้าเรียกว่า Daypack หรือกระเป๋าสะพายหรือเป็นกระเป๋าเป้ เอาไว้เก็บหนังสือเดินทาง ตั๋ว สมุดบันทึก โทรศัพท์มือถือ กล้อง หมายฝรั่ง อาหาร ขวดน้ำดื่ม หรือของใช้ที่ต้องหยิบใช้บ่อย ๆ

2. เสื้อผ้า ควรมีการจัดเตรียมให้เหมาะกับสภาพอากาศ ก่อนเดินทางต้องเช็คสภาพอากาศหรือสอบถามจากบริษัททัวร์ ควรวางแผนการใส่เสื้อผ้าในแต่ละวันก่อนเดินทาง เสื้อผ้าจะได้ไม่ขาดหรือเกินโดยไม่จำเป็น ขอแนะนำให้ไม่ต้องนำเสื้อมาใส่ให้ครบตามจำนวนวันเพราะอากาศที่ยุโรปหนาวเป็นส่วนใหญ่จะทำให้เหงื่อเราไม่ออก เสื้อผ้าไม่มีกลิ่นเหม็นอย่างเช่นยีสควรมีตัวเก่งแค่หนึ่งหรือสองตัว โอเวอร์โค๊ตแค่ตัวเดียว เพราะต้องเผื่อซื้อของกลับด้วยถ้านำเสื้อผ้ามาเยอะจำทำให้น้ำหนักกระเป๋าเกิน หากไปเที่ยวในช่วงหน้าหนาวที่ที่มีอากาศหนาวมากๆ ควรมี และเสื้อกันหนาวที่อบอุ่นไปให้พร้อม ซึ่งควรจัดตามฤดูของยุโรปดังนี้

ฤดูหนาว ธันวาคม - มีนาคม ควรมีเสื้อแจ็คเก็ตตัวหนา ๆ 1 ตัว เสื้อรัดรูป(ลองจอห์น) หมวกไหมพรมปิดหู ถุงมือ ถุงเท้า ผ้าผันคอและเสื้อไหมพรม หรือเสื้อผ้าอุ่น ๆ ไม่ต้องนำไปเยอะ เพราะใส่ซ้ำได้ใส่ทับกันได้

ฤดูใบไม้ผลิ เมษายน - มิถุนายน เตรียมแจ็คเก็ตที่ไม่หนาไม่บางจนเกินไป และเสื้อผ้าสบาย ๆ ที่สามารถสวมทับกันได้ ในกรณีอากาศเย็นขึ้นมาฉับพลันเพราะอากาศที่ยุโรปชอบเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา

ฤดูร้อน กรกฎาคม - กันยายน เตรียมเสื้อผ้าเหมือนที่ใส่เที่ยวเมืองไทยได้เลยค่ะ เพราะอากาศร้อนคล้าย ๆ กับเมืองไทย แต่ควรเช็คสภาพอากาศล่วงหน้า เพราะในบางครั้งอากาศก็แปรปรวน จนทำให้ฤดูร้อนกลายเป็นฤดูหนาวหน่อยได้ ควรเตรียมแจ็คเก็ตบาง ๆ กันลมกันฝน ไปด้วย

ฤดูใบไม้ร่วง ตุลาคม - พฤศจิกายน เตรียมตัวเหมือนฤดูใบไม้ผลิ แต่ควรเผื่อเสื้อผ้าอุ่น ๆ ไปด้วยสัก 2-3 ตัว

3. ชุดชั้นใน ทั้งท่านชายและท่านหญิงก็จัดไปตามจำนวนวัน หรือหาประเภทใช้แล้วทิ้ง หากไปต่างประเทศนานๆหรือตามแต่จะพิจารณาเอง เพราะถ้าเที่ยวกับทัวร์หาโอกาสซักตาก ยาก ที่สำคัญสำหรับผู้หญิงคือผ้าอนามัย

4. รองเท้า ควรเป็นรองเท้าที่สวมใส่สะบายไม่สูงจนเกินไป เพราะการเที่ยวทัวร์ต้องว่องไวในการเดินในบางสถานที่และเดินเป็นส่วนใหญ่ ที่มักเจอปัญหาบ่อยคือ โดนรองเท้ากัดเพราะเปิดกล่องรองเท้าใหม่ หากซื้อใหม่ก็ทดลองใส่ให้ชินเท้า หากเที่ยวหน้าหนาวต้องเดินบนหิมะควรใช้รองเท้าที่มีดอกยางด้านล่าง ไม่ควรใช้รองเท้าพื้นเรียบ เพราะจะลื่นง่าย หรือจะเตรียมมา 2 คู่ เป็นรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ ลำลองอีก 1 คู่

5. ของใช้ประจำตัวที่สำคัญ ประเภท ยาประจำตัว แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่โกนหนวด หวี เครื่องสำอาง โลชั่นทาผิว ลิปมัน และหากมีผิวที่ไวต่อสารสารระคายเคือง ก็ควรนำสบู่ ครีมล้างหน้าติดไปเองด้วย

6.อาหาร อาหารในรายการทัวร์ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารท้องถิ่นเช่นชีส แฮม ขนมปัง ถ้าไม่ชินกับอาหารท้องถิ่นหรือกลัวทานไม่ได้อร่อยควรนำมาม่าติดตัว(น้ำร้อนบางสถานที่เค้าเก็บเงินเพิ่ม)หรือน้ำพริกแห้งที่ไม่มีกลิ่นและแพ็คอย่างดี แต่บางมื้ออาเจออาหารจีน บางประเทศ ห้ามนำพืช ผลไม้ ผักสด ผ่านศุลกากรเข้าสู่ประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา จีน เป็นต้น ส่วนใครที่ติดกาแฟแต่ไม่อยากซื้อกินเตรียมขวดที่เก็บความร้อนมาด้วยจะได้พกติดตัวมีกาแฟกินตลอดทาง (กาแฟต้องนำมาเองด้วย)

7. เมื่อมีเด็กเล็ก ควรนำของที่เด็กชอบเป็นพิเศษติดตัวไปด้วยหรือของใช้ เสื้อผ้า ทั้งหลายเหมือนกับผู้ใหญ่

8. เงิน และการแลกเงิน ควรแลกเป็นเงินสดสกุลเงินของประเทศที่จะเดินทางไปจากเมืองไทยบ้าง หรือ Travellers Cheques บัตรเครดิตติดตัวไว้ตลอดและต้องติดต่อกับธนาคารเจ้าของบัตรก่อนออกเดินทางไปต่างประเทศเพื่อขอใช้บัตร ถ้าต้องการความปลอดภัย ก็สามารถเบิกเงินสดจากตู้ A.T.M. ด้วยบัตร A.T.M.จากธนาคารของประเทศไทย ซึ่งบัตรนั้นจะต้องเป็นบัตรที่สามารถเบิกเงินในต่างประเทศได้ ยกตัวอย่างเช่น บัตรท่องโลกของธ.กสิกร / บัตร B-First ของธ.กรุงเทพ เป็นต้น ค่าธรรมเนียมในการเบิกเงินแต่ละครั้งไม่สูงมาก ซึ่งควรสอบถามธนาคารที่คุณฝากเงินอยู่ (ธนาคารกสิกรคิดค่าธรรมเนียม 100 บาทต่อครั้งในการเบิกเงิน) ให้พลิกหลังบัตร A.T.M. คุณจะเห็นสัญลักษณ์ 'PLUS' ซึ่งถ้าที่ตู้ A.T.M ในประเทศสวิสหรือฝรั่งเศสโชว์สัญลักษณ์นี้เช่นเดียวกัน นั่นหมายความว่าคุณสามารถเบิกเงินสดสกุล สวิสฟรังซ์หรือยูโร ที่ตู้นั้นได้ หรือถ้าไปประเทศอื่นโดยที่ประเทศไทยไม่มีเงินสกุลนั้นให้แลกขอแนะนำให้แลกเงิน US Dollar ไปแลกเงินท้องถิ่นอีกครั้งที่สนามบินหรือโรงแรมเมื่อเดินทางถึงแล้ว

9. เวลา ควรศึกษาโซนเวลาของประเทศต่างๆก่อนเดินทาง จะได้กำหนดเวลาพักผ่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีแก้การปรับเวลาของร่างกายไม่ได้ คือ พยามฝืนตัวเองอย่านอนกลางวัน และหัวค่ำ ให้นอนให้ดึกที่สุดในช่วงปรับตัว2 วันแรก หรือให้ดูเวลาท้องถิ่นเป็นหลักให้ฝืนตัวเองให้นอน ตื่นตามเวลาจะทำให้เราปรับตัวได้เร็ว

10 ไฟฟ้า ประเทศต่างๆมีระบบไฟฟ้าที่แตกต่างกัน แต่ปัจจุบันเครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถใช้ได้ทุกระบบ จะมีปัญหาก็ตรงหัวปลั๊ก จึงควรเตรียมหัวปลั๊กที่ถูกต้องติดตัวไปด้วย สามารถซื้อได้ที่สนามบินขาออก ควรดูว่าหัวปลั๊กไหนใช้ได้กับประเทศอะไรบ้าง ตรงตามที่เราไปหรือไม่

11.ห้าม มีดพับ กรรไกร ที่ตัดเล็บ ของมีคมฯลฯ ไม่ได้รับอนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง ควรใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ แล้วเช็คอินลงใต้ท้องเครื่อง

12.ไม่ควรนำเครื่องประดับราคาสูงติดตัวไปด้วยหรือสิ่งของที่คิดว่าหายแล้วเสียดาย เพราะเนื่องจากเป็นอันตรายกับตัวเองแล้ว และยังเสี่ยงจากการสูญหายไม่ได้อยู่ในประกัน

13. กล้องและฟิล์ม ควรนำฟิล์ม แผ่นบันทึกภาพ ถ้าเป็นกล้องแบบดิจิตอล ให้เตรียมสาย USB สำหรับต่อเข้าคอมมาด้วยจะได้ถ่ายรูปแบบไม่ต้องยั้ง ถ่ายเสร็จก็โหลดเข้าคอม เตรียมแผ่น CD มาสำหรับ Write ลงแผ่นกลับบ้านด้วย ที่ชาร์ตไฟ และแบตเตอรี่สำรองติดตัวไปให้พร้อม

14. อื่นๆ เช่น นาฬิกาข้อมือสำคัญ เพราะมีบางช่วงที่อาจจะแยกย้ายกันชมเมือง แล้วต้องนัดเวลากัน หากพลาดอาจจะทำให้เสียโปรแกรมทัวร์ต่อไป แว่นกันแดด หมวก ร่มขนาดเล็ก ครีมทากันแดด หนังสืออ่านเล่น เกมส์ พิจารณากันตามสมควร

อาหารประจำชาติ อาหารพื้นบ้านที่ชาวสวิสรู้จักเป็นอย่างดีมีอยู่ 3 อย่าง คือ ฟองดู รักเล่ท เร้อชติ้

อะไร"Continental Breakfast"หมายความ อาหารเช้าประกอบด้วย croissants ม้วนหรือขนมปังเนยบางทีบางติดขัดและหรือแยมและชากาแฟ ช็อคโกแลตร้อน เป็นอาหารเช้าของทาง เลือกในส่วนของทวีปยุโรปที่พวกเขาไม่ได้พิจารณาอาหารเช้าจะ เป็นอาหารที่สำคัญที่สุดของวัน

เงินตรา เรียกว่า สวิสฟรังก์ (Swiss Francs)ธนบัตรใบละ 10, 20, 50, 100, 200, 500 และ 1,000เหรียญหน่วยเป็นลัปเปิลเริ่มจาก 5, 10, 20, 50 หน่วยเป็นฟรังก์ 1, 2, 5 สวิตเซอร์แลนด์ไม่มีข้อห้ามว่าด้วยการนำเข้าส่งออกและแลกเปลี่ยนเงินตราสวิส เช็คเดินทางคือการนำเงินติดตัวด้วยวิธีที่ปลอดภัยที่สุด และสามารถแลกเป็นเงินสดได้โดยสะดวกตามธนาคาร, โรงแรม,และสถานีรถไฟทุกแห่งที่มีสัญลักษณ์รับแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งเปิดให้บริการจนถึงเวลา 22.00 น. บัตรเครดิตหลักสามารถใช้ได้เกือบทุกที่

วันหยุดราชการ

วันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม หรือ 2 มกราคม (ขึ้นอยู่กับท้องถิ่นนั้น )

หยุดวัน Good Friday, Easter Monday

วันกรรมกร 1 พฤษภาคม

หยุดวัน Ascension Day, Whit Monday, Corpus, Christi (ท้องถิ่น)

วันชาติ National Day วันที่ 1สิงหาคม

วันคริสต์มาส วันที่ 25 ธันวาคม

วัน Boxing Day วันที่ 26 ธันวาคม

เวลาทำการทั่วไปธนาคารเปิดทำการวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 ไปรษณีย์เปิดทำการวันจันทร์-ศุกร์เวลา 07.30-12.00 และเวลา13.30-18.00 วันเสาร์ เวลา07.30-11.00 ร้านค้าเปิดทำการวันจันทร์-วันศุกร์เวลา08.00-12.00และเวลา13.00-18.30 ร้านค้าบางแห่งอาจเปิดเลยเวลาข้างต้นในบางวันของสัปดาห์เช่นวันพฤหัส-วันศุกร์เปิดถึง21.00วันเสาร์จะเปิดถึง16.00 วันอาทิตย์ปิดหมด ยกเว้นร้านขายของที่ระลึก, ร้านขายยา, ร้านอาหาร, และร้านค้าเฉพาะอย่าง

ไฟฟ้ากระแสไฟฟ้า 220 โวลท์, 50 ไซเคิ้ล

ช้อปปิ้ง สินค้าที่มีชื่อเสียงมากสำหรับงานฝีมือทุกชนิด ตั้งแต่ผ้าปัก ไม้แกะสลักไปจนถึงของที่ระลึกมากมายหาซื้อได้ที่เมืองInterlaken และยังมีอีกเมืองหนึ่งคนไทยมามากที่สุด เพราะเป็นเมืองที่นาฬิกาโรเล็กซ์ขายดีที่สุดรองลงมาคือมีดพก(Swiss Army Knives) นั่นคือเมืองLuzern

ความปลอดภัยโดยทั่วไปแล้วสวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่สงบ ปัญหาโจรผู้ร้ายมีน้อยมาก ถึงกระนั้นนักท่องเที่ยวก็ควรระมัดระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณสนามบินและสถานีรถไฟใหญ่ๆ ที่มีผู้คนพลุกพล่าน นักล้วงกระเป๋ามีอยู่ทั่วไปในยุโรป ไม่เว้นแม้ในสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ควรเดินคนเดียวบนถนนที่เปลี่ยวถึงแม้ว่าจะอยู่ในประเทศที่มีความปลอดภัยสูงก็ไม่ควรประมาท

การให้ทิป ค่าทิปโดยปกติจะรวมอยู่แล้วในค่าโรงแรม ค่าอาหาร ค่าทำผมหรือค่ารถแท็กซี่ หรือค่าทิปคนขับรถนำเที่ยวประเภทรถบัสและมัคคุเทศก์ 2 ฟรังค์ต่อคนต่อวัน ส่วนค่ายกกระเป๋าถือเป็นบริการพิเศษที่นอกเหนือออกไป อัตราทั่วไปคือ ทิป 2 ฟรังช์ต่อกระเป๋าหนึ่งใบ

การเดินทางภายในประเทศ สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีระบบการคมนาคมที่สะดวกสบายและเอื้ออำนวยแก่นักท่องเที่ยวและประชากรสวิสเองเป็นอย่างมากเม

ื่อเดินทางถึงสนามบิน Zurich นักท่องเที่ยวสามารถที่จะเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการได้โดยสะดวก เพราะสถานีรถไฟอยู่ในชั้นใต้ดินของตัวอาคารสนามบินนั่นเอง รถไฟที่นี่รักษาเวลาโดยไม่มีการคลาดเคลื่อนไปจากเวลาเดินรถที่แสดงไว้ รถไฟหลายสายมีตู้เสบียงที่มีอาหารและเครื่องดื่มไว้ให้บริการรถโดยสารนอกเมือง (Postal Bus) การเดินทางที่ไม่ควรมองข้ามเพราะจะพลาดโอกาส ที่จะได้สัมผัสกับชีวิตความเป็นอยู่ในชนบท ทิวทัศน์ที่แปลกตา และการเดินทางวกวนไปตามไหล่เขาสูง มีธารน้ำแข็งและน้ำตกให้เห็นอยู่ทั่วไปตามยอดเขาแม้ในฤดูร้อนก็ตาม เส้นทางเช่นนี้ส่วนใหญ่ทางจะปิดในฤดูหนาวเนื่องจากมีหิมะปกคลุมจนไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนการเดินทางสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งสกีตามเทือกเขาจะมีรถกระเช้า (Cable Car) และสกีลิฟท์ (Ski Lift) ไว้บริการ นอกเหนือไปจากรถไฟฟ้าที่ทำงานด้วยรอกกว้านและโซ่ฟันเฟืองในบางแห่ง (Funiculars/Cogwheel)ท่านที่เดินทางด้วยรายการแนะนำการท่องเที่ยวของมาพาฯ จะได้รับSwiss Pass สำหรับใช้ในการเดินทางภายในสวิตเซอร์แลนด์ โดยทางรถไฟ รถโดยสาร และเรือโดยสารในทะเลสาบ เป็นเวลา 4 – 8 วัน โดยไม่ต้องชำระค่าโดยสารอีก เป็นบัตรโดยสารชั้น 2 และจะได้รับส่วนลด 25% ทันที เมื่อใช้บริการของรถไฟประเภท Funiculars และ

Cogwheel กรุณานำบัตรสวิสพาสส์นี้ติดตัวไปด้วยทุกครั้งที่ออกเดินทาง มิฉะนั้นท่านจะต้องเสียค่าโดยสารตามปกติบัตรโดยสารสำหรับครอบครัว (Family Card) เด็กที่อายุตั้งแต่ 6-16 ปี ไม่ต้องเสียค่าโดยสาร เมื่อใช้ระบบขนส่งมวลชนถ้าพ่อแม่ถือบัตร Family Card แต่มีข้อแม้ว่าเด็กหนึ่งคนจะต้องเดินทางพร้อมกับพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งค่าแท็กซี่ในสวิตเซอร์แลนด์ค่อนข้างแพง เริ่มต้นตั้งแต่ 8 ฟรังซ์ขึ้นไป ทางที่ดีใช้แท๊กซี่เท่าที่จำเป็นและเพื่อเป็นการประหยัดควรใช้ Swiss Pass กับบริการขนส่งสาธารณะจะดีที่สุด

ภูมิอากาศ

ที่ราบสูงตอนเหนืออากาศเย็นสดชื่น เพราะล้อมรอบด้วยเทือกเขาตอนใต้ของเทือกเขาแอล์ปลงมาอากาศอบอุ่นสบายเพราะอยู่ใกล้ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

อุณหภูมิโดยเฉลี่ย (เซลเซียส/สูง-ต่ำ)

Mobirise

ข้อควรระวัง

อุณหภูมิในแต่ละพื้นที่อาจแตกต่างกันราว 5 องศาเซลเซียสต่อความสูงร้อยเมตร การเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพออยู่เสมอเมื่อเดินทางจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด อากาศบนยอดเขาสูงเช่น Jungfraujoch, Klein Matterhorn , Glacier 3000, Aiguille du Midi ,Schilthorn , Titlis, Pilatus และ Alalin(Saas Fee) จะหนาวเย็นกว่าที่ข้างล่างมาก

Contact Us




© Copyright 2009 - 2024 MaPa Holidays. All Rights Reserved.

Site was started with Mobirise